เทศกาล Mega Sale ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง 10.10 หรือ 11.11 นับว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการช็อปปิ้งมาเนิ่นนาน แต่ก็ยังสร้างความตื่นเต้นให้เหล่านักช็อปได้อย่างต่อเนื่อง ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) จึงสามารถทำยอดขายได้อย่างมากหากใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ให้ถูกวิธี
กระแสของ Mega Sale ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีมาโดยตลอดเห็นได้ชัดจากพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค โดยในปี 2024 มีนักช็อปออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 81% ที่เคยซื้อสินค้าในวัน “Double Day” ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่เคยมีเพียง 74%1
บทความนี้เราจะมาแชร์เคล็ดลับ 3 ขั้นตอนง่ายๆ จาก Marketing Playbook ของ Google สำหรับ Mega Sale เพื่อให้คุณใช้โอกาสจากช่วงเทศกาลช็อปปิ้งนี้ในการกระตุ้นการเติบโตให้กับธุรกิจ
1. แสดงตัว: ปรากฏตัวในที่ที่ผู้คนค้นหาและตัดสินใจ
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบันทำการค้นหา สตรีม เลื่อนดู และเลือกซื้อในเวลาเดียวกันอย่างไร้รอยต่อ โดยมี Google และ YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้บริโภคในขณะที่พวกเขาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่เรียกว่า “พฤติกรรม 4S” บนเส้นทางการซื้อ (Purchase Journey) ที่ไม่เป็นเส้นตรง
การค้นหาข้อมูลเป็นส่วนสำคัญของพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และมากกว่า 70% ของนักช็อปจะเริ่มหาข้อมูลล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนถึงวัน Mega Sale2
คีย์เวิร์ดที่ผู้คนใช้ในการค้นหาอันดับต้นๆ สำหรับ Mega Sale นอกเหนือไปจากคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับแบรนด์หรือสินค้าแล้วก็คือ “ส่งฟรี” “คืนฟรี” “ส่วนลด” และ “คูปองส่วนลด”3
หากธุรกิจของคุณแสดงตัวพร้อมกับสิทธิประโยชน์เหล่านี้ ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มที่จะซื้อจากคุณมากขึ้นเพราะพวกเขาต้องการความสะดวกสบายโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งในการซื้อและการคืนสินค้า รวมทัังอยากได้ดีลที่ดีที่สุดเพื่อประหยัดให้มากที่สุดด้วย
2. เริ่มให้ถูกเวลา: ดึงดูดนักช็อปที่มีความตั้งใจในการซื้อสูง
ยิ่งเริ่มทำแคมเปญเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีโอกาสจูงใจและดึงดูดนักช็อปที่มีความตั้งใจในการซื้อสูงได้เร็วเท่านั้น
- ปล่อยแคมเปญ Google และ/หรือ YouTube อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อน Mega Sale ในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเริ่มแสดงความตั้งใจในการซื้อแม้จะยังไม่ได้ค้นหาข้อมูลใดๆ ก็ตาม
- ตั้งเป้าหมาย Conversion สำหรับแคมเปญให้ชัดเจนว่าคุณต้องการเพิ่มจำนวนการซื้อ การดูหน้าเว็บ หรือการลงทะเบียน
- ใช้แคมเปญ Demand Gen เพื่อสร้างดีมานด์และกระตุ้น Conversion เนื่องจากแคมเปญที่ทำงานด้วย AI นี้จะช่วยเพิ่ม Conversion โดยแสดงโฆษณาต่อนักช็อปที่มีความตั้งใจในการซื้อสูง แทนที่จะเป็นแค่ผู้สนใจ ดังนั้นในแง่ของต้นทุน วิธีนี้จึงคุ้มค่ามากกว่าแคมเปญบนแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างมาก โดยใช้ต้นทุนต่อคลิก (Cost Per Click) น้อยกว่า 90% และต้นทุนต่อการแสดงผล (Cost Per Impression) ถูกกว่า 74%
แคมเปญ Demand Gen เข้าถึงผู้ใช้ได้ถึง 3 พันล้านรายต่อเดือน4 และยังเข้าถึงได้ในทุกอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้งานและคอนเทนต์ทุกรูปแบบที่พวกเขากำลังดูไม่ว่าจะเป็นแบบสั้นหรือยาว
นอกจากนี้แคมเปญประเภทนี้ยังแสดงโฆษณาทั้งใน YouTube และแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google ที่เน้นภาพสมจริงไม่ว่าจะ Google Display Network หรือในส่วน Discover
3. ค้นหา Lead: ปรับแคมเปญเพื่อเพิ่มผลลัพธ์
หากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้แคมเปญ Demand Gen คุณต้องมีชิ้นงานวิดีโอ
โดยเฉลี่ยแล้วผู้ลงโฆษณาที่แสดงทั้งโฆษณาแบบรูปภาพและแบบวิดีโอด้วยแคมเปญ Demand Gen พบว่ามี Conversion ต่อดอลลาร์มากกว่าผู้ที่แสดงโฆษณาแบบรูปภาพอย่างเดียวถึง 6%5
คุณสามารถสร้างหรือแก้ไขชิ้นงานวิดีโอและ YouTube Shorts ได้ง่ายๆ จากโทรศัพท์ด้วยแอป YouTube Create
แอปนี้มาพร้อมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและฟีเจอร์ที่ช่วยคุณได้ทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์ ทรานสิชัน รวมถึงคลังดนตรีขนาดใหญ่ที่ไม่มีค่าสิทธิ ที่สำคัญ แอปนี้ยังใช้งานได้ฟรีอีกด้วย
อีกวิธีในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Demand Gen คือการเปิดใช้ “กลุ่มที่คล้ายกัน” (Lookalike Segment) ที่จะช่วยคุณเข้าถึง Potential Customer ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบัน รวมถึงผู้คนกลุ่มนี้ในแพลตฟอร์มวิดีโอหรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ จากนั้นก็ช่วยคุณเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแคมเปญ
คุณสามารถปรับแคมเปญเพิ่มเติมด้วยการสร้างกลุ่มที่คล้ายกันโดยอิงจากวิธีที่ผู้คนโต้ตอบกับธุรกิจของคุณ เช่น ดูวิดีโอหรือเข้าชมหน้าใดหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ของคุณ
กลุ่มที่คล้ายกันจะมีการอัปเดตอยู่เป็นระยะตามกิจกรรมล่าสุดของลูกค้า คุณจึงมีรายการ Potential Customer ล่าสุดสำหรับเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ Mega Sale ที่ดำเนินอยู่และที่กำลังจะปล่อยในอนาคต
ตอนนี้ Mega Sale ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กอีกแล้ว
เพียงแค่แสดงตัวในที่ที่นักช็อปอยู่อย่าง Google และ YouTube พร้อมคีย์เวิร์ดที่อยู่ในใจพวกเขา จากนั้นก็ปล่อยแคมเปญก่อนเวลาเพื่อกระตุ้นดีมานด์และ Conversion ด้วยแคมเปญ Demand Gen หลังจากนั้นจึงปิดท้ายด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญเพื่อเพิ่มยอดขายสูงสุด
3 ขั้นตอนนี้จาก Marketing Playbook ของ Google จะช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดกลาง สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างง่ายดายก่อนสิ้นปี