ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความซับซ้อนมากขึ้น และผู้คนมีการค้นหาข้อมูลบนหลากหลายแพลตฟอร์มและในรูปแบบต่างๆ มากกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังพบว่า จากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและกลโกงที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคไทยกว่า 7 ใน 10 คำนึงถึงความสำคัญในความเป็นส่วนตัวและระมัดระวังข้อมูลของตนเองบนออนไลน์มากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางความต้องการของผู้บริโภคที่คาดเดาได้ยากและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ เราเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการนำเครื่องมือโฆษณาที่ใช้งานด้วย AI มาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถให้นักการตลาดตอบสนองกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างทันการณ์
การตลาดที่ทำงานด้วย Google AI
ในงาน Google Marketing Live ปีนี้ เราได้แชร์เกี่ยวกับความก้าวหน้าของ Generative AI ที่เข้ามาพลิกโฉมการทำการตลาดได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์การสนทนากับ AI ใน Google Ads, รูปแบบโฆษณาใหม่ใน Search Generative Experience หรือ การใช้ Generative AI ในกระบวนการครีเอทีฟ
ระหว่างที่รอเครื่องมือเหล่านี้เปิดตัวในประเทศไทย นักการตลาดสามารถเตรียมความพร้อม 3 ด้านต่อไปนี้ เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ให้ธุรกิจแบบทวีคูณด้วย AI ของ Google
1. เตรียมความพร้อม: ปูพื้นฐานการใช้ AI ให้ถูกทาง
เรื่องหนึ่งที่สำคัญเกี่ยวกับ AI คือ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานของ AI ขึ้นอยู่กับ input ที่มนุษย์ป้อนให้ นั่นเป็นเพราะ AI เรียนรู้จากข้อมูลและประสบการณ์ของคนใช้งาน ดังนั้นยิ่ง Input มีคุณภาพ ก็จะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
Input ที่มีคุณภาพมาจากการมีกลยุทธ์เก็บ วิเคราะห์ข้อมูลและการวัดผล ที่คอยป้อน input อย่าง ข้อมูลกลุ่มเป้าหมายและ Conversion ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูล First Party ที่ได้มาจากความยินยอมของลูกค้าโดยตรง สามารถกำหนดทิศทางให้ AI ของ Google สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เต็มศักยภาพ และเพิ่ม ROI ได้สูงสุด
Input ที่มีคุณภาพสามารถกำหนดทิศทางให้ Google AI สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้เต็มศักยภาพ และเพิ่ม ROI ได้สูงสุด
2. ต่อยอดผลลัพธ์ด้วยแคมเปญ Search และ Performance Max
หลังจากมีข้อมูลที่มีคุณภาพแล้ว ลำดับต่อไปคือการใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น การใช้ Broad Match บน Search (หนึ่งในวิธีการกำหนดเป้าหมายของโฆษณา Search ที่ทำงานด้วย AI) ที่เราพบว่าหากผู้ลงโฆษณาอัปเกรดจาก Exact Match มาใช้ Broad Match ในแคมเปญที่ใช้ Target Cost per Acquisition จะมี Conversion เพิ่มขึ้น 35%
นอกจากนี้ เราพบว่าการใช้ Performance Max เสริมกับแคมเปญ Search ได้ผลเป็นอย่างดี จนเป็นที่มาของนิยาม “Power Pairing” แบรนด์ชั้นนำอย่าง Isuzu ได้ทดลองใช้วิธีการนี้ควบคู่กับการมีกลยุทธ์การวัดผลที่มีประสิทธิภาพ
3. เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ YouTube
ครีเอเตอร์และผู้ชมต้องการรับชมคอนเทนต์ที่มีความยาวหลากหลาย เห็นได้จากในช่วงเลือกตั้งที่คนไทยเข้ามาดู YouTube รับชมไฮไลต์การดีเบตบน Shorts รวมถึงวิดีโอสัมภาษณ์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบยาวและสตรีมถ่ายทอดสดการนับคะแนน แม้ว่าพฤติกรรมการรับชมของผู้คนจะซับซ้อน แต่การเข้าถึงพวกเขาบน YouTube ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เราได้ประกาศเปิดตัว 2 แคมเปญใหม่ที่ทำงานด้วย Google AI ได้แก่ Video View Campaign (VVC) และ Demand Gen Campaign เพื่อให้การเข้าถึงผู้บริโภคในระดับ Mid-Funnel และการกระตุ้นความต้องการของพวกเขาจนเกิดการซื้อเป็นเรื่องง่าย
Video View Campaign จะช่วยให้แบรนด์เพิ่มยอดวิวสูงสุดทั้ง In-stream, In-feed และ Shorts ได้ในแคมเปญเดียวผ่านการทำงานของ AI แบรนด์ชั้นนำในไทยที่ทดลองใช้งาน VVC สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น Nestle ไอศกรีม ต้องการดึงดูดกลุ่ม Gen Z สำหรับไอศกรีมรสชาติใหม่ ซึ่ง VVC ก็ทำให้ Nestle เพิ่มยอดวิวได้อย่างมาก ในขณะที่ลด CPV และทำให้เกิด Consideration Lift ได้ดีที่สุด
Video View Campaign จะช่วยให้แบรนด์เพิ่มยอดวิวสูงสุดได้ในแคมเปญเดียวผ่านการทำงานของ AI
Demand Gen ซึ่งจะเปิดใช้งานในไทยปลายปีนี้ จะช่วยให้นักการตลาดกระตุ้น Action ในหมู่ผู้บริโภคด้วยครีเอทีฟโฆษณาที่เป็นภาพสมจริงและเตะตา โดยจะใช้งาน AI ปรับครีเอทีฟโฆษณาและจับคู่กับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ อย่างเหมาะสม เพื่อนำเสนอให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าบนเส้นทางการซื้อมากที่สุด จนนำไปสู่ผลลัพธ์
ดูรายละเอียด Google AI Essentials Checklist ดาวน์โหลดได้ ที่นี่
